วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีทำอาหารยำ ทำยังไงให้อร่อย

สำหรับมือใหม่หัดยำทั้งหลาย เวลาทำอาหารจานยำ ทำยังไงก็ทานไม่อร่อยสักที ทำไมไม่เหมือนเวลาไปทานที่ร้านเค้า วิธีทำอาหารยำ ทำยังไงให้อร่อย

หาก จะแยกประเภทของอาหารจานยำแล้ว แม่สาลิกา อยากจะแยกประเภทย่อยๆ ออกไปอีกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ยำเนื้อสัตว์ กับ ยำผักผลไม้ ซึงพื้นฐานรสชาติของวัตถุดิบหลัก ที่นำมายำนั้นไม่เหมือนกัน เราจะสังเกตุได้ว่าเวลาเป็น ยำเนื้อสัตว์ เราต้องใส่ผักตระกูลสมุนไพร ที่มีกลิ่นแรงลงไป (อาทิ หอมแดง หอมใหญ่ คื่นไฉ่ กระเทียม) เพื่อกลบกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ และมักยำให้มีรสจัดจ้าน แต่หากเป็นยำผักผลไม้ บทบาทของเครื่องสมุนไพรกลิ่นแรง เหล่านี้ก็จะลดลงไป ยำผลไม้บางจาน ไม่ใส่แม้กระทั่งกระเทียม

วิธีทำอาหารประเภทยำให้อร่อย มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลักๆ ได้แก่

  • ความสดใหม่ของส่วนผสม ยังคงความเป็นหัวใจหลัก สำคัญของความอร่อยอยู่ตลอดกาล
  • น้ำยำ ถ้าเป็นพ่อบ้านแม่บ้านมือโปร คงจะบอกว่า ก็ตักๆตวงๆ คลุกๆ คนไปชิมไปก็อร่อยแล้ว แต่มือใหม่หัดยำ กว่าจะยำเสร็จก็อิ่มกันพอดี ดังนั้น ขอแนะนำให้ผสมน้ำยำขึ้นมาก่อน แล้วค่อยเอาไปคลุกกับส่วนผสมอย่างอื่น น้ำยำทำง่ายๆ ละลายน้ำตาลในน้ำร้อน คนให้ละลายเป็นน้ำเชื่อมข้นพอควร พักไว้ให้หายร้อน จากนั้นผสมน้ำปลา และน้ำมะนาว ในสัดส่วนเท่าๆกัน ใส่เกลือเล็กน้อย คนให้ละลาย ผสมน้ำเชื่อมลงไป (หรือจะใช้วิธีตักน้ำตาลใส่ลงไปคนให้ละลายก็ได้ แต่จะใช้เวลานิดนึง จากนั้นชิมให้ได้รสที่ชอบ โดยมากจะแนะนำให้มี รสเปรี้ยว เค็ม หวาน เท่าๆ กันไว้ก่อน
  • รสเผ็ด ให้เอากระเทียม พริกขี้หนู โขลกให้เข้ากัน ถ้าไม่อยากได้รสเผ็ดมากให้ใช้วิธีซอยพริกขี้หนู หรือบุบพอแตกก็ได้ครับ รสชาติก็จะเผ็ดน้อยลง แล้วค่อยเอามาผสมลงในน้ำยำที่เตรียมไว้ เวลาใส่อาจไม่ต้องใส่พริกกระเทียม ที่ตำเเตรียมไว้ทีเดียวทั้งหมด เพราะถ้าเผ็ดเกินไปจะแก้ยาก ตักพริกใส่พอประมาณ ชิมแล้วเผ็ดน้อยไปค่อยเติมดีกว่า
  • ลำดับเวลายำ ให้คลุกส่วนผสมหลัก ให้พอเข้ากันก่อน (ยกเว้นส่วนผสมที่มีความกรอบ เอาไว้ใส่ทีหลัง) จากนั้นผสมน้ำยำลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ จากนั้นจึงใส่ของกรอบลงไป เคล้าให้เข้ากัน เป็นอันใช้ได้
ถ้าคุณชอบรสกระเทียมดอง นอกจากเนื้อกระเทียม ใส่น้ำกระเทียมดอง ก็ช่วยชูรสยำ ของเราให้อร่อยยิ่งขึ้นได้

ที่มา : http://www.foodietaste.com/cookingtips_details.asp?id=85

ทายนิสัยจากท่าคีบบุหรี่


ท่าคีบบุหรี่

สูบบุหรี่ 

 

ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบบุหรี่ ดูเหมือนหลายๆคนจะ ท่าคีบบุหรี่ ท่านี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแสดงถึงคนที่มีจิตใจอ่อนแอ อารมณ์อ่อนไหวง่าย เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว เอาใจยาก ไม่ค่อยมีเหตุมีผลเอาเสียเลย  เวลาจะทำสิ่งต่างๆก็จะทำไปตามความต้องการและตามใจตัวเองมากที่สุด ไม่ค่อยสนใจว่าคนรอบข้างจะคิดหรือ รู้สึกอย่างไร ในขณะเดียวกัน ก็เป็นคนที่ต้องการกำลังใจจากคนอื่นๆมากเป็นพิเศษอีกด้วย

 

ใช้โคนนิ้วชี้และนิ้วกลางคีบบุหรี่  ท่านี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ ท่าคีบบุหรี่ ท่าแรกที่ใช้สองนิ้วเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างออกไปคือท่านี้จะใช้โคนนิ้วคีบบุหรี่แทน ซึ่งแสดงถึงนิสัยใจคอที่ดี มีความเอื้อเฟื้อต่อคนอื่นๆที่ด้อยกว่าตน เป็นคนคิดมาก และจริงจัง แต่จะขาดการตัดสินใจที่รอบคอบอยู่สักหน่อย เวลาทำอะไรจะทำแบบคนใจร้อน ไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลัง จึงมีเรื่องที่ทำให้เสียใจเสมอๆ

ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับบุหรี่ คน ที่คีบหรือจับบุหรี่โดยใช้นิ้วโป้งกับนิ้วจับแต่หันก้นบุหรี่ออกจากตัวเอง จะเป็นคนที่มีเสน่ห์ต่อคนที่ได้พบเห็น มีนิสัยชอบการเข้าสังคม และยังเป็นคนที่พูดจาเก่ง สามารถโน้มน้าวคนได้อย่างไม่ยากเย็น  จึงมักได้รับความเชื่อถือจากคนอื่นอยู่เสมอๆ แต่จะไม่ใช่คนที่ลงมือเพื่อปฏิบัติอะไรให้สำเร็จขึ้นมาได้เพราะเป็นคนใจอ่อน เห็นใจ คนอื่นง่าย จึงถูกหลอกได้ง่ายเช่นกัน

 

ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับบุหรี่หันเข้าหาตัวเอง คน ที่สูบบุหรี่และจับบุหรี่เอาไว้ด้วยท่าทางเช่นนี้เป็นลักษณะของคนที่เมใอคบ หาแล้วต้องระวังตัวด้วยเพราะจะไม่ใช่คนซื่อๆ แต่จะเป็นคนที่ไม่จริงใจกับใครนัก เป็นคนที่สามารถเปลี่ยไปได้เรื่อยๆ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบข้าง ใครมีผลประโยชน์ให้ก็ดีตอบ แต่ว่าก็อาจจะหักหลังคนได้ง่ายๆ จึงมักเป็นคนที่ระวังระแวงคนอื่นสูง ขี้กลัว และยังดื้อรั้นไม่ชอบพูดความจริง

 

ห้อยบุหรี่ไว้ที่มุมปาก สำหรับ คนที่ชอบห้อยบุหรี่เอาไว้ที่มุมปากนี้ จะเป็นคนที่มีนิสัยออกไปทางสนอกสนใจเรื่องของคนอื่นมากเป็นพิเศษ และยังตีสองหน้าเก่งเสียด้วย ขึ้นอยู่กับว่าใครดี หรือว่าใครร้ายมา  จึงเป็นคนที่พบเห็นได้ในงานที่มีผู้คนเยอะๆ มาชุมนุมกันแต่จะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนน้ำขึ้นน้ำลง สำหรับการทำงานเหมาะกับงานที่ไม่ต้องอาศัยความรอบคอบมากนัก อีกทั้งยังเชื่อคนง่าย

 

กางนิ้วมือเวลาคีบบุหรี่ เมื่อใดก็ตามที่เห็นคนสูบบุหรี่แล้วกางนิ้วมือไปด้วยนั้น ท่าคีบบุหรี่ นี้สามารถบ่งบอกได้ถึงนิสัยใจคอที่ไม่มั่นคงของคนๆนั้นที่มีความลังเลสูง ออกไปทางหยิบโหย่ง ทำอะไรจริงจังหรือให้ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองมักไม่ค่อยได้ ในด้านของการทำงานจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก เพราะนิสัยใจคอของตัวเองที่เป็นคนไร้ความเชื่อมั่น และไม่มีความกล้าหาญที่จะรับผิดชอบอะไร


ที่มา :  http://horoscope.mthai.com/horoscope-highlight/9339.html

ผู้ชายจะดีหรือร้ายดูที่ริมฝีปาก

คุณคงยังไม่รู้สิว่า ริมฝีปาก ผู้ชายสามารถอธิบายอะไรหลายๆอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นความหมายดีๆหรือร้ายๆก็ตาม จะร้ายจะดีขนาดไหนไปดูกัน

 

ริมฝีปาก

มุมปากโค้งขึ้น แสดงถึงอารมณ์สดใสและความร่าเริง หมายถึงต่อให้คุณย่ำแย่มาแค่ไหน เขาก็จะช่วยเปลี่ยนอารมณ์คุณให้กลับมาร่าเริงได้สบาย ๆ

ปากเล็ก แสดงถึงความรู้สึกถึงคุณไม่ควรฝืนใจให้เขาพูดอะไรออกมา ไม่อย่างนั้นคุณจะได้ยินแต่คำพูดทิ่มแทงแสนเจ็บแสบเป็นการตอบแทน

ริมฝีปากล่างใหญ่กว่า แสดงถึงการมีความสุขกับการให้มากกว่ารับ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า เขาจะไม่รับอะไรมากไปกว่าที่เขาให้คุณ

มุมปากตก แสดงถึงเขาผูกขาดอยู่กับหมู่บ้านอมทุกข์ไปเรียบร้อยแล้ว คนประเภทนี้เขาว่ากันว่าเป็นคนที่คบด้วยลำบาก เพราะติดนิสัยช่างติชาวบ้านเขาอยู่เรื่อย

ปากใหญ่ แสดงถึงว่าเขาเป็นคนที่พูดเก่งและไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยด้วยนะ แต่เป็นการพูดหวานหูที่ทำเอาเคลิ้มไปได้เลยล่ะ

ริมฝีปากบนใหญ่กว่า แสดงถึงว่าเขาจะทุ่มเทความรักใคร่เอาใจใส่ผู้หญิงของเขาอย่างเต็มที่ สาวไหนอยากได้แผนช่างเอาใจ ต้องเล็งหนุ่มคนนี้เป็นหมายเลขหนึ่งเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก Forward Mail


ที่มา :  http://horoscope.mthai.com/horoscope-highlight/10178.html

คุณเหมาะกับแฟนอายุเท่าไร???

คุณเคยคิดไหมว่า ถ้าคุณมี แฟน ขึ้นมา แฟนของคุณจะอายุเท่าไร จึงจะเหมาะกับคุณ Horoscope.Mthai.com มีคำตอบครับ ลองไปทำแบบทดสอบนี้กัน แล้วคุณจะรู้ว่า คุณเหมาะกับแฟนที่มีอายุเท่าไร
แฟน

 

แบบทดสอบ คุณเหมาะกับแฟนอายุเท่าไร
1.เธออยากเปรี๊ยวด้วยวิธีไหน?
ก.คอนแท็กเลนส์สีต่างๆไปข้อ 3
ข.แว่นกันแดดขนาดใหญ่ไปข้อ5

2.เครื่องประดับที่เธอมีอยู่ประมาณกี่ชิ้น?
ก.มากกว่า5ชิ้นไปข้อ6
ข.2-3ชิ้นไปข้อ11

3.เธอคิดอย่างไรกับผู้หญิงที่เพ้นท์เล็บ?
ก.เท่ดีไปข้อ9
ข.ไม่เห็นสวยเลยไปข้อ7

4.ของที่เธออยากได้จากเค้ามากที่สุด?
ก.ต่างหูไปข้อ2
ข.แหวนไปข้อ8

5.เธอจะเน้นแต่งสวยตรงไหนมากกว่ากัน?
ก.ดวงตา-การใช้อายชาโดว์ไปข้อ7
ข.ริมฝีปาก-สีของลิปสติกไปข้อ4

6.เธออยากลองทำอะไรเป็นอย่างแรก?
ก.เจาะหูไปข้อ10
ข.สวมสร้อยข้อเท้าไปข้อ11

7.เข็มกลัดติดเสื้อของเธอ..
ก.ใช้บ่อยๆไปข้อ2
ข.แทบไม่เคยใช้เลยไปข้อ9

8.ถ้าเธอสวมสร้อยข้อมือหรือกำไลเธอจะสวมใส่ลักษณะใด?
ก.ใส่ทีละหลายๆเส้นไปข้อ12
ข.เลือกแบบเรีบยและใส่แค่เส้นเดียวไปข้อ13

9.ถ้าเธอทาทั้งเล็บมือและเท้าเธอจะเลือกสีอย่างไร?
ก.เลือกสีเดียวกันไปข้อ2
ข.อยากทาคนละสีไปข้อ6

10.เธอชอบต่างหูแบบไหน?
ก.แบบติดหูไปข้อ 11
ข.แบบตุ้งติ้งไปแบบA

11.ถ้าให้เธอเลือกสวมแหวนเพียงวงเดียวนิ้วกลางมือขวาเธอจะเลือกสวม..?
ก.แหวนหัวลายดอกไม้แบบแฟชั่นไปแบบA
ข.แหวนทองแบบเรียบๆไปแบบC

12.ถ้าให้เธอใช้ผ้าพันคอแต่งเป็นจุดเด่นของเธอเธอจะ..?
ก.เลือกผืนใหญ่ๆและคลุมไหล่ไว้ไปแบบB
ข.เลือกผืนเล็กแล้วผูกไว้ที่ปกเสื้อไปแบบD

13.เธอชอบแบบไหนระหว่าง..?
ก.สร้อยคอเส้นโตๆแบบเปรี๊ยวไปข้อ12
ข.สร้อยคอห้อยจี้เส้นเล็กๆน่ารักไปแบบD

เฉลยคำตอบค่ะ


แบบ A เค้าอายุมากกว่าเธอมาก
เหมาะที่จะเลือกผู้ชายที่มีวุฒิภาวะและอายุ มากกว่าเธอมากๆ คนขี้อ้อนต้องการการดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลาอย่างเธอ เหมาะที่จะเลือกผู้ชายที่มีวุฒิภาวะและอายุมากกว่าเธอมากๆ อย่างน้อย5ปี ซึ่งจะทำให้เธออุ่นใจได้โดยที่หนุ่มวัยเดียวกับเธอ คงยากที่ให้ได้ ช่องว่างระหว่างวัยที่ห่างกันมากอย่างนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ถ้าหากเธอนิยามว่าความรักคือศรัทธา และเค้าก็เป็นผู้ใหญ่ที่ตามใจเด็กงอแงอย่างเธอ
เธอจะติดใจจนไม่อยากมี แฟน เด็กอิกเลยล่ะ
แบบ B เขาอายุมากกว่าเธอ3-5ปี
อย่างเธอนี่ถ้าเป็นผู้ชายอายุเท่ากันๆเธอจะ รู้สึกว่าเค้าเด็กจัง แต่ถ้าอายุห่างกันมากไปก็จะเกิดช่องว่างระหว่างวัยอีก ซึ่งถ้าเค้าโตกว่าเธอซัก3-4ปีคงกำลังดี เธอกับเค้าจึงสามารถเป็นได้ทั้งแฟนและพี่น้องที่เข้าใจกันได้ ไม่ใช้น้าหลานที่คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะอายุห่างกันเกินไป
แบบ C เขาอายุไล่เลี่ยกัน
เธอชอบที่จะคบกับเพศตรงข้ามแบบเพื่อนมากกว่า จะได้คุยกันได้ในทุกๆเรื่องความคิดอ่านคล้ายคลึงกัน คบกันแบบไม่ต้องมีพิธีรีตรองมากเธอจึงควรเลือกหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียว กันเพราะเธอต้องการ แฟน ที่ให้ความเป็นเพื่อนสูง ต้องการการพูดคุยและสิทธิที่เสมอภาคกัน แฟนที่อายุเท่าๆกันจึงเป็นคำตอบสุดท้ายของเธอ
แบบ D เขาเด็กกว่า
เธอเป็นผู้หญิงที่มีสัณชาตญาณ ความเป็นแม่สูง ชอบ ดูแลเป็นธุระให้ใครๆแม้แต่แฟน เธอจะมีความสุขมากเมื่อได้คอยเอาใจใส่และทำอะไรๆให้กับแฟนซึ่งจะให้เหมาะก็ ควรเลือกแฟนที่เป็นเหมือนน้องชายไปด้วย ซึ่งก็ต้องอายุน้อยกว่าเธอนั่นเองก็ต้องยอมรับว่าเธอ เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆ ที่สามารถทำให้รุ่นน้องมาหลงใหลได้ปลื้มจนใครๆต้องอิจฉาเธอ เปรียบได้กับคู่รักฮอลลีวูดอย่างเดมี่มัวร์กับแอชตันคุชเช่อร์รักต่างวัย 10ปีที่ดูดดื่มจนสาวๆอิจฉาตาลุกเป็นไฟเพราะสาวแก่ งาบไก่อ่อนสุดหล่อไปทานสบายปาก

ที่มา : http://horoscope.mthai.com/horoscope-highlight/8064.html

เรื่องฮาๆ ของอวัยวะในร่างกาย

 

ตา >> อวัยวะที่ใช้ในการมอง  มักจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี

หู >> อวัยวะที่ใช้ในการฟัง  ส่วนมากจะมีน้ำหนักเบา เพื่อสะดวกในการพกพา

ปาก >>  อวัยวะที่ใช้ในการพูด   ส่วนมากจะอยู่ไม่ตรงกับใจ

จมูก >> อวัยวะที่ใช้ในการหายใจ  ถ้ายื่นเข้าไปในเรื่องของคนอื่นเขาเรียกว่า ..แส่

บ่า-ไหล่ >> อวัยวะที่อยู่เคียงคู่กันมา ดังที่เรียกว่า “เคียงบ่าเคียงไหล่” มีให้คนคนขี้เหงาได้ซบ ถ้าเป็นจับกังก็ใช้แบกหาม ข้าวสาร ปูน…

หัวใจ >> อวัยวะที่ใช้สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย คนที่เจ้าชู้ส่วนใหญ่มักจะเก็บตัวจริงไว้ แล้วถ่ายเอกสารไว้ใช้อย่างพร่ำเพรื่อ

ปอด >> อวัยวะที่ใช้ฟอกโลหิต  แต่ถ้าปอดแหกจะเก็บความกล้าหาญไว้ไม่ได้

นม >> อวัยวะที่สุภาพสตรีอยากให้ยื่นไปข้างหน้ามากกว่าพุง

ศอก >> ข้อต่อระหว่างแขนท่อนบนกับแขนท่อนล่าง ใช้เป็นอาวุธประจำกาย หรือใช้สำหรับรองน้ำดื่มสำหรับหญิงที่มาทีหลัง

ตัว >> เป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ของร่างกายมีไว้ให้ส่วนอื่นได้พักพิง มักจะลืมกันมากในเวลาได้ดิบได้ดี

สะดือ >> เป็นอวัยวะที่ใช้เชื่อมต่อกับแม่ตอนอยู่ในครรภ์ เมื่อใดใช้วัดความสุภาพ…ถ้าอยู่ต่ำกว่าสะดือ ถือว่าทะลึ่ง

ขาอ่อน >> เป็นส่วนที่เชื่อมต่อมาจากสะโพก  มักนิยมใช้ประกวด เพราะมองเห็นง่ายกว่าสมอง

หัว เข่า >> เป็นข้อต่อระหว่างขากับแข้ง เป็นอาวุธประจำกาย ผู้หญิงใช้โจมตีจุดอ่อนของผู้ชาย และบางคนใช้เช็ดน้ำตาเวลาเศร้า โดยเฉพาะคนที่แอบรักผัวชาวบ้านเขา

ขนหน้าแข้ง >> ใช้วัดระดับฐานะทางการเงิน ยิ่งรวยมาก ขนหน้าแข้งจะร่วงน้อย

เท้า >> เป็นอวัยวะที่ใช้ในการยืน  เดิน  หรือเป็นอวัยวะที่ใช้ผลัก หรือที่เรียกว่ากันทั่วไปว่า..ถีบ

 

ทีมา: http://www.kwamru.com/99

เทคนิค/วิธีการต่างๆ ที่นำมาใช้ในการพยากรณ์ทรัพยากรมนุษย์

                
การพยากรณ์ทรัพยากรมนุษย์ ยังมีเทคนิคที่นิยมใช้กันอีก เช่น
                1. Zero-Forecasting เป็นวิธีการพยากรณ์โดยใช้อัตรากำลังคนทั้งหมดที่มีอยู่ในองค์การขณะนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน แล้วนำเป้าหมายปริมาณงานที่ต้องการตามแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานต่างๆ มาประมาณว่าใน 1 ปี หรือ 3 ปี องค์การควรมีอัตรากำลังคนเท่าไร และอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับแผนงานที่กำหนดไว้
                2. Bottom-Up Approach วิธีนี้จะให้ทุกระดับชั้นในองค์การ พยากรณ์ความต้องการกำลังคนในหน่วยงานของตนขึ้นมาตามลำดับชั้นที่เหนือขึ้นไป จนสามารถกำหนดเป็นความต้องการกำลังคนของแผนกนั้น ๆ แล้วให้ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์รวบรวมความต้องการกำลังคนทุกแผนก รวมมาเป็นความต้องการกำลังคนของทั้งองค์การ
                3. Relationship between Sales and Number of Workers Required วิธีนี้ใช้การหาความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายกับจำนวนพนักงาน เมื่อยอดขายลดลงจำนวนพนักงานก็จะลดลงตาม หรือเมื่อยอดขายเพิ่มพนักงานก็เพิ่มตาม สัดส่วนความสัมพันธ์นี้จะช่วยให้ทราบว่า ถ้าจ้างพนักงานเพิ่ม 1 คน ยอดขายจะต้องเพิ่มเท่าใด หรือถ้าต้องการเพิ่มยอดขายขึ้นจำนวนหนึ่งจะต้องจ้างพนักงานเพิ่มกี่คน
4. Simulation Models เป็นเทคนิคการพยากรณ์ที่ใช้วิธีทางคณิตศาสตร์มาอธิบายสถานการณ์ต่างๆ โดยตั้งคำถาม What_____if (ถ้า………จะเป็นอย่างไร) จุดประสงค์ของวิธีนี้ ก็เพื่อให้ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์สามารถหาข้อมูลได้ในระดับหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจจริง วางแผนกำลังคนจริงๆ ในการคาดการกำลังคนจะพิจารณาในเรื่องของความต้องการของกำลังคนในตำแหน่งใดบ้าง จำนวนเท่าใด และต้องการกำลังคนเมื่อใด
                5. การคาดการณ์จากสมการพื้นฐาน โดยมีสมการ ดังนี้
                จำนวนคนที่ต้องการคนเพิ่ม = จำนวนคนที่ต้องการทั้งหมด - จำนวนคนคงเหลือ
                จำนวนคนที่ต้องการทั้งหมด = จำนวนงาน/อัตราส่วนของงานต่อคน
                6. วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Methods)วิธีทางนี้จะนำหลักการทางสถิติและคณิตศาสตร์ เข้ามาช่วยในการพยากรณ์ มีวิธีการต่างๆ ดังนี้
                    -  วิธีการทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Methods) คือการวิเคราะห์อัตรากำลังโดยใช้วิธีการคำนวณทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีอยู่หลายวิธีเช่น Simple Mathematical  Methods, Ratio Techniques, Complex Mathematical Methods เป็นต้น
                - วิธีการทางสถิติ (Statistical Methods)มีวิธีการ เช่น โปรแกรมสมการเส้นตรง (Linear Programming) การวิเคราะห์การถดถอย (Regression Technique) เป็นต้น
เทคนิคการพยากรณ์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงตัวอย่างของวิธีการที่ใช้ในการคาดการณ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ที่ได้รับความนิยมและนำมาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ การที่นักบริหารทรัพยากรมนุษย์จะเลือกใช้วิธีในด้านใดในการปฏิบัติ เพื่อคาดการณ์และวางแผนทรัพยากรมนุษย์นั้น สามารถจะพิจารณาได้จากมาตรการในการเลือกเทคนิคในการพยากรณ์ดังต่อไปนี้
                1. ระยะเวลา (Time Horizon)
                2. ลักษณะของข้อมูล  (Pattern of Data)
                3. ค่าใช้จ่าย (Cost)
                4. ความแม่นยำ (Accuracy)

ผิวขาวได้ง่ายๆ ด้วย 8 วิธีแบบธรรมชาติ

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ให้คุณเข้านอนระหว่าง 3 ทุ่ม เป็นต้นไป และนอนให้เพียงพอ วันละ 8 ชั่วโมง เพราะการนอนดึกจะทำให้ระบบส่วนต่างๆ ในร่างกายเสื่อมโทรม อายุก็สั้นลง ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกันโรคทำงานผิดปกติ ทำให้มีสุขภาพผิวที่ไม่ดีตามมา
2. ออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อสุขภาพผิวที่ดี เปล่งปลั่ง และสดใส เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อยู่ใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา และยังช่วยลดการอุตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ผิวใสไม่มีสิวอีกด้วยค่ะ
3. ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8- 10 แก้ว น้ำจะช่วยในการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผิวดูสดใส ช่วยให้ผิวมีชุ่มชื้นไม่เหี่ยวย่น
ผิวขาวได้ง่ายๆ ด้วย 8 วิธีแบบธรรมชาติ
ผิวขาวได้ง่ายๆ ด้วย 8 วิธีแบบธรรมชาติ
4. ทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ จะทำให้คุณมีผิวพรรณสวย ดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างเช่น มะเขือเทศ ส้ม แตงโม ฝรั่ง ฟักทอง มะนาว เป็นต้น การทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี จะทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ และยังทำให้ผิวเนียนนุ่มและยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวอีกด้วยค่ะ
5. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ ทานอาหารที่มีคอลลาเจน การขับถ่ายให้เป็นปกติ จะช่วยทำให้ผิวพรรณและหน้าตาดูสดใสขึ้น
6. ทำให้จิตใจแจ่มใส ร่าเริง ตลอดเวลาจะช่วยลดความเครียด และยังช่วยชะลอความแก่ก่อนวัย ทำให้ผิวมีสุขภาพดีได้ด้วยนะคะ
ผิวขาวได้ง่ายๆ ด้วย 8 วิธีแบบธรรมชาติ
ผิวขาวได้ง่ายๆ ด้วย 8 วิธีแบบธรรมชาติ
7. งดการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวทำลายผิว จะทำให้ผิวหน้าเหี่ยวย่น ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วยค่ะ
8. การอบไอน้ำ เป็นการช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนได้ มีผลทำให้ผิวคุณดูสะอาด สดใสเปล่งปลั่ง
นอกจากวิธีที่จะทำให้ผิวขาวด้วยตนเองแล้วนั้นเรายังคงต้องมีตัวช่วยในการทำให้ผิวขาวดังนี้ค่ะ การใช้ครีมกันแดด เพราะการทาครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะครีมกันแดดจะต้องทาก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเพราะจะช่วยในการป้องกันแสง UVA UVB จากภาวะอากาศร้อนและแสงแดดที่แรงเกินไป เป็นเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำได้ค่ะ และควรเลือกเครื่องสำอางในการบำรุงผิวเพื่อผิวขาว ที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งต่างๆ ควรเลือกที่มีอย.เรียบร้อยแล้วนะคะเพื่อความปลอดภัยค่ะ